FUJI HS-10 ใช้เลนส์ ซูมแบบมือหมุน เหมือนกล้อง D-SLR ออฟติคัล มุมกว้าง 30 X (24-720 มม)สภาพสวย ไม่งอแง จอ LCD 3 นิ้ว กางออกได้ ถ่ายมาโคร 1 ซม ถ่าย VDO แบบ HD ใส่ Flash เพิ่มด้านบนกล้องได้ พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว ใช้ถ่าน AA 4 ก้อน สดวกประหยัดกว่า หาง่าย

หน้าแรก » กล้อง และ อุปกรณ์ถ่ายภาพ » กล้องดิจิตอล

FUJI HS-10 ใช้เลนส์ ซูมแบบมือหมุน เหมือนกล้อง D-SLR ออฟติคัล มุมกว้าง 30 X (24-720 มม)สภาพสวย ไม่งอแง จอ LCD 3 นิ้ว กางออกได้ ถ่ายมาโคร 1 ซม ถ่าย VDO แบบ HD ใส่ Flash เพิ่มด้านบนกล้องได้ พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว ใช้ถ่าน AA 4 ก้อน สดวกประหยัดกว่า หาง่าย

แบ่งปันให้เพื่อน

  ขายกล้อง สุดยอดซุปเปอร์ คอมแพ็ค FUJI HS 10 กล้องครอบจักรวาล ที่ให้ช่วงซูมระดับ OPTICAL 30 เท่า มาที่สุดในขณะนี้ แถมยังใช้เลนส์
ซุม มุมกว้างระดับ 24 มม ซูมข้ามตึกไปจนถึง 720 มม เลยที่เดียว ไม่ต้องพกพาเลนส์หลายช่วงให้หนักกระเป๋า ไม่ต้องคอยถอดเปลี่ยนเลนส์อีกต่อไป
กล้อง สภาพสวยมาก ใช้งานน้อย มาดูกล้อง และจับลองกันก่อนได้ ถ้าไม่พอใจไม่ต้องรับไป ลองกดถ่ายให้เห็นกันจะๆ นัดดูกล้องกันก่อนได้เลย

Fujifilm ผู้นำแห่งเทคโนโลยีกล้องดิจิตอลเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ที่มีพลังในการซูมสูงถึง 30 เท่า ทางยาวโฟกัส 24-720 มม. พร้อมฟังก์ชั่นการทำงานที่ก้าวหน้ามากมาย อาทิ บันทึกวิดีโอคุณภาพระดับ Full HD 1080p และฟอร์แมตบันทึกภาพนิ่งแบบ RAW File ซึ่งเป็นฟอร์แมตที่ช่างภาพมืออาชีพส่วนใหญ่เลือกใช้ นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพนิ่งต่อเนื่องความเร็วสูง 10 ภาพต่อวินาทีที่ความละเอียดสูงสุด พร้อมระบบโฟกัสติดตามอัตโนมัติ เมื่อซับเจคต์เคลื่อนที่ และฟังก์ชั่น Motion Remover ขจัดสิ่งเคลื่อนไหวที่ไม่ต้องการออกไปจากเฟรมภาพของคุณ

1. ติดเลนส์ซูม Fujinon ขนาด 30 เท่า ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 24-720 มม.
2. ใช้เซ็นเซอร์แบบ BSI (Back Side Illuminated) CMOS
3. ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงถึง 10 ภาพต่อวินาทีต่อเนื่อง 7 ภาพที่ความละเอียดสูงสุด
4. ถ่ายภาพวิดิโอได้ในระดับคุณภาพ Full HD พร้อมระบบถ่ายภาพยนตร์แบบ High Speed ความเร็ว 1000 ภาพต่อวินาที
5. ระบบถ่ายภาพพาโนรามาแบบ Motion Panorama สามารถแพนกล้องถ่ายภาพต่อเนื่องกลายเป็นภาพพาโนรามาได้เลย
6. มีระบบ Pro Lowlight ถ่ายภาพกลางคืนโดยแทบจะไม่ปรากฏสัญญาณรบกวน
7. ระบบถ่ายภาพแบบ Motion Remover สามารถลบภาพวัตถุเคลื่อนไหวออกจากภาพได้อัตโนมัติ
8. มีระบบกันสั่น โดยการขยับเซ็นเซอร์และกันสั่นแบบดิจิตอลเพื่อชดเชยการสั่นไหวของภาพ
9. มีระบบ Tracking Autofocus ตำแหน่่งปรับความชัดสามารถเลื่อนตามการเคลื่อนที่ของวัตถุได้ เช่นเดียวกับระบบ AF ของกล้อง DSLR ชั้นดี
10. มีระบบถ่ายภาพให้เลือกใช้ครบครัน ทั้งระบบปรับตั้งเอง และอัตโนมัติต่างๆ
11. มี Eye Sensor กล้องจะตัดการทำงานของจอ LCD ด้านหลังไปที่จอ EVF ทันทีที่มองช่องมองภาพ
12. จอ LCD ด้านหลังขนาดใหญ่ 3 นิ้ว ปรับก้มเงยได้
13. มีช่องเสียบแบบ HDMI สำหรับจอแบบ Full HD
14. ใช้การ์ดเก็บข้อมูลแบบ SDHC

เลนส์ Manual Zoom 30 เท่า
ถือเป็นจุดที่โดดเด่นอันดับแรกของ HS10 เลยทีเดียว โดยเป็นเลนส์คุณภาพสูง Fujinon Lens ทางยาวโฟกัส 24-720 มม. ซึ่งไม่เพียงเฉพาะสามารถซูมได้ถึงระยะไกลสุดสายตาเท่านั้น หากแต่ยังเก็บบรรยากาศได้กว้างกว่ากล้องในระดับเดียวกัน และฟูจิฟิล์มยังคงใช้รูปแบบการปรับซูมเลนส์แบบมือหมุน เช่นเดียวกับกล้อง DSLR ซึ่งข้อดีคือปรับระยะซูมได้รวดเร็วและแม่นยำตรงตามระยะที่ต้องการ นอกจากนี้ขนาดรูรับแสงยังกว้างถึง F2.8 ที่ระยะ Wide และ F5.6 ที่ระยะ Tele ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับกล้อง DSLR เลนส์เทเลทางยาวโฟกัส 720 มม. F5.6 จะต้องมีขนาดที่ใหญ่โต และมีน้ำหนักหลายกิโลกรัมทีเดียว รวมทั้งมีราคาที่สูงลิ่วด้วย แต่เลนส์ Fujinon 24-720 มม. ถูกบรรจุอยู่ในตัวบอดี้ของ HS10 ที่มีขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบาใกล้เคียงกับกล้อง DSLR ขนาดเล็กทั่วๆ ไป จึงทำให้ HS10 เป็นกล้องที่สามารถพกพาไปใช้งานได้ทุกที่ โดยไม่เป็นถือว่าภาระแต่อย่างใด

คุณภาพ Full High Definition
ฟูจิฟิล์ม HS10 ใช้เซ็นเซอร์รับภาพใหม่แบบ BSI-CMOS (Back Side Illuminication CMOS) ให้ความละเอียด 10.3 ล้านพิกเซล effective ตัวกล้องตอบสนองการทำงานได้รวดเร็วใกล้เคียงกับ DSLR จากประสิทธิภาพของ BSI Processor ใช้งานได้ทั้งถ่ายภาพนิ่งและบันทึกวิดีโอ โดยบันทึกภาพด้วยคุณภาพระดับ Full High Definition บันทึกวิดีโอด้วยฟอร์แมต MPEG4 มาตรฐาน H.264/AVC รูปแบบ 16:9 ขนาดไฟล์ 1920 x 1080 พิกเซลที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งสามารถเปิดชมภาพจากโทรทัศน์ในระบบ HDTV ได้เต็มรูปแบบ ผ่านช่องเชื่อมต่อแบบ mini HDMI ส่วนภาพนิ่งบันทึกด้วยฟอร์แมท JPEG ขนาดภาพใหญ่สุด 3648 x 2736 พิกเซล โดยในโหมดถ่ายภาพนิ่งสามารถเลือกรูปแบบไฟล์เป็น RAW และ RAW+JPEG ได้เช่นเดียวกับ DSLR ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานระดับสูงแบบมืออาชีพ ที่ต้องการไฟล์ภาพคุณภาพสูงสุด และต้องการโปรเซสด้วยตัวเองในภายหลัง โดยรูปแบบ RAW และ RAW+JPEG ตั้งใช้งานได้จากเมนูหลัก

คมชัดด้วย Image Stabilization
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวมีความจำเป็นอย่างมากเมื่อต้องถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย โดยไม่ใช้แฟลชหรือขาตั้งกล้อง และเมื่อต้องซูมเลนส์ที่ระยะเทเลมากๆ ซึ่ง HS10 พัฒนาระบบป้องกันภาพสั่นไหวให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้นโดยกล้องจะปรับชิฟท์เซ็นเซอร์รับภาพตามรูปแบบการสั่นไหวของกล้อง ปรับความไวแสงให้สูงขึ้นตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น และปรับแก้ด้วยระบบดิจิตอลจากซอฟท์แวร์ที่บรรจุอยู่ในตัวกล้อง ซึ่งทั้งหมดจะช่วยให้ถือกล้องถ่ายภาพได้คมชัด แม้จะซูมเลนส์ที่ทางยาวโฟกัสสูงก็ตาม

Eye Sensor สลับการทำงานของวิวไฟน์เดอร์
HS10 ออกแบบฟังก์ชั่นการทำงานในการสลับการใช้งานระหว่างจอมอนิเตอร์และวิวไฟน์เดอร์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยปกติแล้วกล้องจะแสดงผลการทำงานที่จอมอนิเตอร์ด้านหลัง แต่เมื่อแนบตาเข้ากับวิวไฟน์เดอร์ กล้องจะตัดการทำงานจากจอมอนิเตอร์ไปแสดงผลที่วิวไฟน์เดอร์แทน ซึ่งสะดวกกับการใช้งานมาก โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องคอยกดปุ่มไปมาเมื่อต้องการสลับการใช้งานของทั้งสองส่วน

โหมดถ่ายภาพครบครัน
โหมดถ่ายภาพของ HS10 มีให้ใช้งานได้ทั้งระดับมือใหม่ ที่ไม่ต้องการปรับตั้งอะไรให้วุ่นวาย อาทิ โหมดออโต้, Scene Mode (SP) มีให้เลือกตั้งใช้งานอย่างรวดเร็วได้ 2 แบบ และโหมด SR Auto ซึ่งมีความโดดเด่นที่สามารถปรับเลือกรูปแบบการถ่ายภาพที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้ได้ โดยประเมินจากภาพที่ผู้ใช้ต้องการบันทึก เช่น Portrait, Night, Macro, Landscape, Night Portrait หรือ Backlit Portrait เป็นต้น

โหมดถ่ายภาพในกลุ่ม Advance ซึ่งต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการถ่ายภาพที่มากขึ้น เช่นโหมดโปรแกรม (P), โหมดออโต้รูรับแสง (S), โหมดออโต้ความเร็วชัตเตอร์ (A), โหมดแมนนวล (M) และ Custom Setting (C) ซึ่งเป็นโหมดที่ผู้ใช้ตั้งค่ารูปแบบการทำงานและโหมดถ่ายภาพที่ใช้บ่อยๆ บันทึกเก็บไว้ เพื่อความรวดเร็วในการใช้งาน โหมดถ่ายภาพในกลุ่มนี้ ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าการทำงานต่างๆ เช่น ความไวแสง ไวท์บาลานซ์ รูปแบบภาพ หรือเลือกปรับชดเชยแสงได้ทั้งหมด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมคุณภาพของภาพถ่ายทุกขั้นตอน

นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพพาโนรามา ที่ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลกับการถ่ายภาพช๊อตต่อไปในการนำมารวมกันเป็นภาพพาโนรามาในภายหลัง ซึ่งอาจจะเกิดข้อผิดพลาด มากมายจากสภาพแสง หรือความเหลื่อมล้ำของแต่ละช๊อต เป็นต้น โดยโหมดนี้ ผู้ใช้เพียงหมุนแป้นเลือกโหมดถ่ายภาพมาที่ Panorama จากนั้นกดชัตเตอร์ แล้วหมุนกล้องไปในทิศทางที่ต้องการ และกล้องจะโชว์สเกลความยาวของภาพ พร้อมลูกศรกำหนดทิศทาง หลังจากนั้น กล้องจะรวมภาพให้เป็นพาโนรามาโดยอัตโนมัติ ฉีกข้อจำกัดของการถ่ายภาพพาโนรามารูปแบบเดิมออกอย่างสิ้นเชิง

ถ่ายภาพแสงน้อยด้วย Pro Low Light Mode
เป็นฟังก์ชั่นที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานอยู่ตลอด ที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ ไฟล์ภาพที่ได้ใสเคลียร์ขึ้น จากระบบการจัดการ noise ที่ยอดเยี่ยม โดยกล้องจะถ่ายภาพ 4 ภาพที่ความไวแสงสูงและต่ำต่างกัน จากนั้นจะนำภาพทั้งหมดมาประมวลผลและรวมให้เป็นภาพเดียว ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้ด้วยการหมุนแป้นปรับโหมดมาที่ตำแหน่ง Adv. นอกจากนี้ ตำแหน่ง Adv. ยังสามารถเลือกฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้อีก เช่น Multi motion Capture ซึ่งกล้องจะบันทึกแอ็คชั่นของซับเจคต์ 5 จังหวะ และบันทึกลงในเฟรมภาพเดียวกัน

Motion Remover กำจัดสิ่งเคลื่อนไหวไปจากภาพของคุณ
เป็นอีกฟังก์ชั่นหนึ่งในตำแหน่ง Adv. ของแป้นปรับโหมดถ่ายภาพ ฟังก์ชั่น Motion Remover เป็นฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยขจัดสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวซึ่งเข้ามาอยู่ในเฟรมภาพของคุณออกไปจากเฟรมภาพได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณต้องเดินทางไปท่องเที่ยวยังที่ต่างๆ แล้วต้องการถ่ายภาพสถานที่ไว้เป็นที่ระลึก แต่ติดปัญหาที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินชมไปมาอยู่ในสถานที่นั้นๆ ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยกำจัดสิ่งที่เคลื่อนไหว หรือเคลื่อนที่ให้หายไปจากภาพของคุณ เลือกการทำงานฟังก์ชั่นนี้ได้โดย หมุนแป้นโหมดถ่ายภาพไปที่ตำแหน่ง Adv. กดปุ่มเมนูแล้วเลือกมาที่ Motion Remover จากนั้นจัดองค์ประกอบและถ่ายภาพตามปกติ กล้องจะบันทึกภาพอย่างรวดเร็ว 5 ภาพ และนำทั้ง 5 ภาพมาประเมินถึงความแตกต่างของสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในภาพ ถ้าหากว่ามีสิ่งไหนที่เปลี่ยนจากตำแหน่งเดิม กล้องจะตัดสิ่งนั้นออกไปจากเฟรมภาพ ดังนั้นคุณจะได้ภาพวิวหรือทิวทัศน์ที่ไม่วุ่นวายและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวด้วยวิธีง่ายๆ

เก็บทุกแอ๊คชั่นด้วยความเร็ว 10 ภาพต่อวินาที
HS10 บันทึกภาพต่อเนื่องได้ความเร็วสูงสุด 10 ภาพต่อวินาทีที่ความละเอียดสูงสุด ซึ่งนับว่าเป็นกล้องถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุดได้เร็วที่สุดของกล้องระดับเดียวกัน โดยโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องนี้ ยังเลือกการทำงานได้หลายแบบ อาทิ Best Frame Capture Mode ซึ่งกล้องสามารถบันทึกภาพนอกเหนือจากตอนที่กดชัตเตอร์ได้ 7 ภาพผู้ใช้สามารถตั้งความเร็วในการบันทึกภาพต่อเนื่องได้ที่ 10, 7, 5 และ 3 ภาพต่อวินาที รวมทั้งสามารถเลือกย่อยลงไปได้อีกว่าจะให้กล้องบันทึกย้อนหลังเป็นอัตราส่วน 6.0, 5.1, 4.2, 3.3, 2.4, 1.5 และ 0.6 ยกตัวอย่างรายละเอียดส่วนนี้คือ 6.0 เป็นการบันทึกก่อนกดชัตเตอร์ 6 ภาพและตอนกดชัตเตอร์อีกหนึ่งภาพรวมเป็น 7 ภาพ, 5.1 คือบันทึกภาพก่อนกดชัตเตอร์ 5 ภาพ ตอนกดชัตเตอร์ 1 ภาพ และหลังกดชัตเตอร์อีก 1 ภาพ เป็นต้น ฟังก์ชั่นนี้กล้องจะเริ่มบันทึกภาพเก็บไว้ในหน่วยความจำของกล้องก่อนตั้งแต่ตอนที่ผู้ใช้แตะปุ่มชัตเตอร์ ซึ่งจะได้ยินเสียงการทำงานของกล้องด้วย และกล้องจะยังไม่บันทึกลงในเมมโมรี่การ์ด จนกว่าจะมีการกดชัตเตอร์ถ่ายภาพจริง ซึ่งช่วยให้เก็บช็อตเคลื่อนไหวได้ครบทุกท่วงท่า และเลือกช็อตที่ดีที่สุดมาใช้งาน

High Speed Movies
นอกจากความเร็วในการถ่ายภาพนิ่งแล้ว ในโหมดวิดีโอ ยังสามารถเลือกบันทึกด้วยความเร็วสูง สำหรับบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองภาพแทบจะไม่ทัน โดยสามารถเลือกเฟรมเรตได้สูงสุด 1000 เฟรมต่อวินาที และปรับลดได้ขนาด 480, 240, 120 และ 60 เฟรมต่อวินาที เพื่อเปิดชมภาพแบบ Slow Motion ช่วยให้สามารถชมรายละเอียดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ง่ายยิ่งขึ้น

ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ปรับความไวแสงได้แบบ ออโต้ ซึ่งกล้องจะเลือกความไวแสงที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ, Auto (400), Auto (800), Auto (1600), Auto (3200) กล้องจะปรับความไวแสงให้อัตโนมัติสูงสุดไม่เกิน ISO 400, 800, 1600 และ 3200 ตามลำดับ หรือผู้ใช้จะเลือกปรับเองตั้งแต่ ISO100-6400 ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพบรรยากาศแสงธรรมชาติในสภาพแสงน้อยโดยไม่ต้องใช้แฟลชได้เป็นอย่างดี ส่วนไวท์บาลานซ์ปรับใช้งานได้แบบออโต้เช่นเดียวกัน รวมทั้งปรับตามสภาพแสงได้ 6 แบบคือ Fine, Shade, Incandescent, Fluorescent (Daylight), Fluorescent (Warm White), Fluorescent (Cool White) และปรับแบบ Custom ได้อีกหนึ่งแบบ โดยเมื่อเลือกแบบ Custom ผู้ใช้เพียงเล็งกล้องไปยังพื้นที่ที่ต้องการถ่ายภาพและกดชัตเตอร์ กล้องจะประเมินสภาพแสงขณะนั้น และปรับไวท์บาลานซ์ที่ถูกต้องให้ พร้อมโชว์คำว่า Completed ที่จอมอนิเตอร์ จากนั้นกดปุ่ม OK เพื่อยืนยันข้อมูล และถ่ายภาพตามปกติได้เลย ซึ่งให้ความแม่นยำและออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายมาก ต่างจากกล้องอื่นๆ ที่ออกแบบไวท์บาลานซ์แบบ Custom หรือ Preset ค่อนข้างซับซ้อน จนทำให้หลายๆ คนมองข้ามไวท์บาลานซ์แบบนี้ไป

การออกแบบ
เมื่อได้พบกับตัวจริงของ Fujifilm FinePix HS10 ต้องยอมรับว่าออกแบบได้สวยงามมากทีเดียว ตัวกล้องมีขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้ตั้งแต่แรกเห็นจากเวบไซต์ โดยขนาดและน้ำหนักจะอยู่ตรงกลางระหว่างกล้องโปรซูมเมอร์ S2500HD และรุ่นพี่ S200EXR ตัวบอดี้เป็นสีดำ ออกแบบผิวตัวกล้องให้เป็นลายหยาบ ให้ความรู้สึกแข็งแรง และดุดันสไตล์กล้องโปรเลยทีเดียว

HS10 ยังคงใช้รูปแบบการปรับซูมด้วยการหมุนแบบเดียวกับ S200EXR ซึ่งให้ความแม่นยำในการปรับระยะซูมมากกว่าการปรับแบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยก้านโยก หรือปุ่มกด รวมทั้งปรับได้รวดเร็วกว่ามาก เมื่อปรับซูมจะมองเห็นสเกลทางยาวโฟกัสที่กระบอกเลนส์ ซึ่งช่วยให้เข้าใจได้ง่ายว่าซูมที่ระยะเท่าใด วงแหวนปรับซูมหุ้มด้วยยางเซาะร่องให้จับได้ถนัดไม่ลื่นหลุด และมีตัวเลขทางยาวโฟกัสบอกด้วยเช่นกัน ถัดจากวงแหวนปรับซูมติดกับตัวกล้องเป็นวงแหวนปรับโฟกัสแบบแแมนนวล ซึ่งเมื่อเลือกโหมดนี้ กล้องจะขยายส่วนกลางของจอมอนิเตอร์เพื่อให้มองจุดโฟกัสได้ง่ายขึ้น

ด้านบนตัวกล้องเริ่มจากขวาสุดเป็นปุ่มชัตเตอร์และวงแหวนเปิด-ปิดการทำงาน วางตำแหน่งอยู่บนกริปมือจับที่ออกแบบให้ยื่นยาวออกมาพอสมควร พร้อมหุ้มด้วยยางลายหยาบช่วยให้จับได้ถนัดและกระชับมือมาก และส่วนของกริปนี้ยังเป็นที่อยู่ของแบตเตอรี่แบบ AA จำนวน 4 ก้อน ซึ่งใช้ได้ทั้งแบบ Ni-MH และอัลคาไลน์ซึ่งหาซื้อได้สะดวกทีเดียว ถัดจากปุ่มชัตเตอร์เข้าไปเป็น ปุ่มปรับชดเชยแสง ข้างๆ กันเป็นปุ่มเลือกโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง ซึ่งใช้สำหรับเลือกฟังก์ชั่นถ่ายภาพแบบ Best Frame Capture และ Zoom Bracketing ด้วย

ถัดเข้าไปอีกเล็กน้อยเป็นแป้น Command Dial สำหรับควบคุมการทำงานทั้งหมดของกล้อง ซึ่งใช้งานร่วมกับปุ่มการทำงานอื่นๆ ด้วย ข้างๆ กันเป็นแป้นหมุนปรับเลือกโหมดถ่ายภาพ ตรงกลางหัวกระโหลกเป็นช่องวิวไฟน์เดอร์ ซึ่งออกแบบให้มีระบบ Eye Sensor ซึ่งจะสลับการทำงานของจอมอนิเตอร์โดยอัตโนมัติ เมื่อแนบตาเข้ากับวิวไฟน์เดอร์ ถัดขึ้นไปเป็นฮอทชูสำหรับแฟลชเสริม ถัดออกไปด้านหน้าเป็นแฟลชในตัวซึ่งยกสูงพอสมควรเมื่อเปิดใช้งาน ช่วยลดปัญหาหน้าเลนส์บังแสงแฟลชเมื่อต้องซูมเลนส์ที่ระยะไกลสุด ซึ่งผู้ใช้ต้องกดปุ่มปลดล็อกแฟลชที่อยู่ข้างซ้ายของฐานแฟลช เมื่อต้องการใช้งาน

ด้านหลังเป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ออกแบบให้ปรับมุมมองในการถ่ายภาพได้หลายระดับ ช่วยให้ถ่ายภาพในมุมที่เข้าถึงได้ลำบาก หรือมุมที่แตกต่างจากมุมมองปกติได้สะดวกขึ้น ริมตัวกล้องด้านซ้ายของจอมอนิเตอร์ เป็นปุ่มปรับตั้งการทำงาน 5 ปุ่ม วางเรียงเป็นแนวตั้ง เริ่มจากปุ่มตั้งค่าความไวแสง (ISO) ซึ่งใช้เป็นปุ่ม Zoom In ในโหมดพรีวิวภาพด้วย ถัดลงไปเป็นปุ่มเลือกโหมดวัดแสง และใช้งานเป็นปุ่ม Zoom Out ในโหมดพรีวิวภาพด้วยเช่นกัน ปุ่มที่สามสำหรับเลือกพื้นที่โฟกัส และปุ่มที่สี่เลือกโหมดโฟกัส และปุ่มสุดท้ายเลือกปรับตั้งไวท์บาลานซ์

เหนือมอนิเตอร์เป็นปุ่มสลับการทำงานของมอนิเตอร์และวิวไฟน์เดอร์ และถ้าหากเปิดใช้งานระบบ Eye Sensor ปุ่มนี้จะถูกยกเลิกใช้งาน ด้านขวาของมอนิเตอร์บนสุดเป็นปุ่มบันทึกวิดีโอ ถัดลงมาเป็นปุ่มล็อกค่าแสงและล็อกโฟกัส ถัดลงมาอีกเล็กน้อย เป็นปุ่มควบคุมแบบ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มเมนูและปุ่ม OK ตรงกลาง ปุ่มด้านบนสำหรับใช้งานฟังก์ชั่น Instant Zoom และเป็นปุ่มลบภาพในโหมดพรีวิวภาพด้วย ปุ่มด้านซ้ายเลือกระบบโฟกัสแบบมาโคร โดยเมื่อเลือกแบบซูเปอร์มาโคร สามารถโฟกัสได้ใกล้ถึง 1 เซ็นติเมตรที่ช่วงซูมกว้างสุด ปุ่มด้านล่างเลือกใช้งาน Self Timer และปุ่มขวาสำหรับควบคุมการทำงานของแฟลช

ด้านล่างสุดมีสองปุ่ม ปุ่มซ้ายปรับตั้งการแสดงผลของมอนิเตอร์ ส่วนปุ่มขวาเป็นปุ่มเปิดชมภาพที่ถ่ายไปแล้ว ข้างๆ ตัวกล้องด้านขวา เป็นช่องเมมโมรี่การ์ด ส่วนด้านซ้ายเป็นช่องอิน-เทอร์เฟสสำหรับโอนถ่ายข้อมูล ซึ่งมีช่องเชื่อมต่อแบบ mini HDMI สำหรับเปิดชมภาพและวิดีโอคุณภาพ Full High Definition ได้เต็มรูปแบบ

เมนู
เมนูการทำงานถูกออกแบบให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยแบ่งหมวดหมู่ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นเมนูในโหมดถ่ายภาพ แบ่งเมนูย่อยวางเรียงเป็นแนวตั้ง มีทั้งหมด 4 หน้า อาทิ ปรับตั้ง ISO เลือกขนาดภาพ เลือกคุณภาพของภาพ เลือกระดับไดนามิกเรนจ์ เลือกรูปแบบ FinePix Color เลือกปรับแก้ไวท์บาลานซ์แบบละเอียด หรือเมนูปรับเลือกคุณภาพและรูปแบบการบันทึกวิดีโอ เป็นต้น

เมนูในกลุ่มที่สองเป็นเมนูปรับตั้งการทำงานหลักของกล้อง แบ่งเมนูย่อยออกเป็น 6 หน้า อาทิ ตั้งเวลาการทำงาน เลือกภาษาที่ใช้งาน เลือกรีเซ็ตค่าการทำงาน เลือกฟอร์แมตเมมโมรี่การ์ด เลือกเวลาในการแสดงภาพหลังจากกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ หรือเลือกตั้งเสียงการทำงาน เป็นต้น

การปรับตั้งเมนูต่างๆ ทำได้โดยกดปุ่มเมนู ใช้แป้น Command Dial หรือปุ่มควบคุม 4 ทิศทางขึ้น-ลง เพื่อเลือกเมนูที่ต้องการปรับตั้ง ใช้ปุ่มควบคุม 4 ทิศทางด้านขวา เลือกค่าการทำงานของเมนูนั้นๆ ใช้แป้น Command Dial หรือปุ่มควบคุม 4 ทิศทางขึ้น-ลง เพื่อเลือกค่าที่ต้องการ จากนั้นกดปุ่ม OK เพื่อยืนยันค่านั้นๆ

นอกจากการปรับตั้งค่าการทำงานต่างๆ ในโหมดถ่ายภาพจากปุ่มเมนูแล้ว ฟูจิฟิล์มยังออกแบบปุ่มควบคุมการทำงานของ HS10 แยกออกมาต่างหาก เช่น ปุ่มปรับตั้งความไวแสง ปุ่มปรับชดเชยแสง ปุ่มปรับเลือกโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง หรือปุ่มเลือกรูปแบบการโฟกัส ซึ่งสะดวกกับการใช้งานมากทีเดียว ผู้ใช้สามารถเลือกปรับเปลี่ยนค่าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยการกดปุ่มที่ต้องการค้างไว้ แล้วหมุนแป้น Command Dial เลือกค่าที่ต้องการได้เลยทันทีและให้ความรู้สึกในการปรับตั้งไม่แตกต่างจากกล้อง DSLR เท่าใดนัก

บทสรุปผลการใช้งาน
เมื่อแรกสัมผัสกับ HS10 ผมรู้สึกกับขนาดของตัวกล้องว่าไม่ได้เล็กอย่างที่คิด เพราะเท่าที่ได้ศึกษาข้อมูลจากเวบไซต์ มีความรู้สึกว่าเป็นกล้องตัวเล็กแบบเดียวกับ S2500HD แต่พอถืออยู่ในมือ กลับให้ความถนัดในการจับถือมาก การวางปุ่มควบคุมต่างๆ อยูในตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวกดีมาก

ต้องขอชมว่าฟูจิฟิล์มออกแบบตัวกล้องได้สวยงามทีเดียว ผมค่อนข้างชอบการออกแบบแป้นปรับโหมดถ่ายภาพ และแป้น Command Dial ที่เอียงรับกับนิ้วโป้ง ซึ่งช่วยให้การควบคุมหรือการปรับเปลี่ยนโหมดได้ด้วยนิ้วโป้งเพียงนิ้วเดียว นอกจากนี้ เมื่อต้องการปรับเปลี่ยนค่าเมนูการทำงานต่างๆ จากปุ่มควบคุมที่ออกมาแยกอิสระ ก็สามารถใช้แป้น Command Dial หมุนเลือกค่าที่ต้องการได้ทันที

และเช่นเดียวกับรุ่นพี่ S200EXR ที่ใช้การซูมเลนส์ด้วยการหมุนปรับซูมแบบแมนนวล เช่นเดียวกับกล้อง DSLR ทั่วๆ ไป ซึ่งเป็นรูปแบบการปรับซูมที่รวดเร็วและแม่นยำมาก โดยเมื่อหมุนปรับซูม จะมีสเกลที่กระบอกซูมบอกระยะซูมที่ปรับใช้ ซึ่งมีตัวเลขระยะที่ใช้งานบ่อยๆ ค่อนข้างละเอียดทีเดียว และกระบอกซูมมีความหนืดกำลังดี ช่วยให้หมุนปรับได้นุ่มนวล ส่วนจอมอนิเตอร์ออกแบบให้ปรับมุมมองได้หลายระดับ และมีขนาดใหญ่ 3 นิ้ว ช่วยให้มองได้อย่างถนัดตา

ฟังก์ชั่นการทำงานของ HS10 มีให้เลือกครบครันเช่นเดียวกับกล้องระดับมืออาชีพ และบันทึกรูปแบบไฟล์ได้แบบ RAW ซึ่งเป็นไฟล์ดิบที่ไม่มีการบีบอัดใดๆ สำหรับมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพของภาพสูงสุด และต้องการโปรเซสไฟล์ตามที่ต้องการในภายหลัง ผมทดลองฟังก์ชั่นใหม่ Motion Remover Mode ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่กล้องจะขจัดซับเจคต์ที่มีการเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมให้ออกไปจากเฟรมภาพ ซึ่งช่วยให้ได้ภาพสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเดินถ่ายภาพอยู่ แต่กล้องก็ช่วยให้นักท่องเที่ยวที่เดินไปมาทั้งหลายหายไปจากภาพได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมทั้งฟังก์ชั่นพิเศษซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของกล้องฟูจิฟิล์ม อาทิ Pro Low Light Mode ซึ่งจากการทดลองใช้งาน ไฟล์ที่ได้ใสเคลียร์และไม่มี noise มารบกวนเหมือนรุ่นอื่นๆ ซึ่งก็เป็นผลมาจากเซ็นเซอร์ภาพแบบใหม่ และการประมวลผลการทำงานที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง

ความยอดเยี่ยมของ HS10 อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ผมเก็บภาพได้ครบถ้วนทุกจังหวะอารมณ์นั่นคือ ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงถึง 10 ภาพต่อวินาที แม้จะถ่ายที่ความละเอียดของภาพสูงสุด และไม่เพียงถ่ายภาพต่อเนื่องได้รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชั่น Best Frame Capture ที่บันทึกภาพไว้ล่วงหน้า แม้ว่าผมเพียงแค่กดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งเท่านั้น และเมื่อผมกดชัตเตอร์ กล้องจะเก็บภาพก่อนที่ผมจะกดชัตเตอร์จริงๆ ล่วงหน้าได้ถึง 6 ภาพ ช่วยให้ผมสามารถเก็บจังหวะแอ็คชั่นได้ 7 จังหวะจากการกดชัตเตอร์ครั้งเดียว เพื่อเลือกแอ็คชั่นที่โดดเด่นที่สุดสำหรับงานของผม และผมสามารถเลือกช่วงของการบันทึกได้ว่าบันทึกทั้งหมดตั้งแต่ก่อนผมกดชัตเตอร์ บันทึกก่อนผมกดชัตเตอร์ 5 ภาพ หลังกดชัตเตอร์อีก 1 ภาพ หรือบันทึกก่อนกดชัตเตอร์ 2 ภาพ หรือบันทึกหลังกดชัตเตอร์อีก 4 ภาพ เป็นต้น

อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่อดพูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือ Zoom Bracketing ซึ่งกล้องจะปรับซูมจากระยะถ่ายภาพปกติให้อีก 2 ช่วงซูมคือซูม 1.4 เท่า และซูม 2 เท่า นั่นหมายถึงว่าเมื่อผมถ่ายภาพซับเจคต์ที่ช่วงซูม 720 มม. ซึ่งเก็บภาพสิ่งที่อยู่ไกลลิบได้เต็มเฟรมแล้ว กล้องยังเพิ่มกำลังขยายของเลนส์ให้ผมถ่ายภาพที่ทางยาวโฟกัสสูงถึง 1440 มม.!!

นอกจากภาพนิ่งแล้ว โหมดวิดีโอก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยบันทึกด้วยคุณภาพ Full HD และบันทึกเสียงระบบสเตอริโอ
ฟอร์แมต WAVE จากไมโครโฟนที่อยู่สองข้างฐานเลนส์ รวมทั้งเลือกความเร็วในการบันทึกได้หลายรูปแบบ และเลือกได้สูงสุดถึง 1000 เฟรมต่อวินาที สำหรับบันทึกจังหวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาที จนตาของเราไม่สามารถจับจังหวะได้ทัน รวมทั้งสามารถเปิดชมกับโทรทัศน์ระบบ HDTV ด้วยช่องเชื่อมต่อแบบ HDMI เพื่อสัมผัสกับอารมณ์ภาพได้เต็มรูปแบบทั้งภาพและเสียง การบันทึกก็สะดวกมากโดยกดปุ่มบันทึกวิดีโอที่ด้านหลังตัวกล้องได้เลย

ความรู้สึกในการควบคุมการทำงานไม่ได้แตกต่างจากการใช้กล้อง DSLR เท่าไหร่เลย ทั้งรูปแบบของโหมดถ่ายภาพ ปุ่มควบคุมต่างๆ และการปรับซูมเลนส์แบบปรับหมุนด้วยมือ และที่เหนือกว่ากล้อง DSLR คือ มีช่วงซูมกว้างถึง 30 เท่า ตั้งแต่มุมกว้าง 24 มม. มากพอที่จะเก็บบรรยากาศอันกว้างใหญ่ได้ทั้งหมด และซูมได้สูงสุด 720 มม.!! คงจะไม่เกินไปนักถ้าจะบอกว่า Fujifilm FinePix HS10 คือกล้องดิจิตอลที่ยอดเยี่ยมและคุ้มราคามากที่สุดตัวหนึ่งที่ควรจะต้องมีไว้ใช้งาน


ราคา: 10,000 บาทต้องการ: ขาย
ติดต่อ: -อีเมล์: 
สภาพ: มือสอง จังหวัด: 
โทรศัพย์: 0808IP Address: 124.122.164.xx
มือถือ: -



ดูสินค้าอื่นๆ | ลงประกาศ | เลื่อนประกาศขึ้น | ลบประกาศ | แก้ไขประกาศ

[ รับจำนอง ขายฝาก บ้าน ที่ดิน ทั่วประเทศ กู้เงินง่าย ได้เงินไว ไม่เช็คแบล็คลิส ]





ประกาศอื่นๆในหมวดหมู่เดียวกัน 20 รายการ (แสดงทั้งหมด)

รูป   รายละเอียด ราคา
  2,800 บาท
 
  7,500
  14,900
  4,000
  1,500
  ทุกราคา
  250 บาท
  22,000
  7,500
  50 บาท
  1,900 บาท
  20,500
  190 บาท
  5,300 บาท
  10,500
  30,000
  10,000
  6,000 บาท
  10,500 บาท